วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แชร์ประสบการณ์ ช่องทางการขับเคลื่อนธุรกิจขายส่ง



สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ผม Mr.Bell มีความรู้เกี่ยวกับช่องทางการทำธุรกิจขายส่งมากฝากครับ เป็นหลักการจากประสบการณ์ตรงที่ได้เรียนรู้โดยตรงจากการร่วมงานกับเจ้าของธุรกิจขายส่งสินค้าหลากหลายชนิด ทั้งขายส่งในประเทศไทยและขายส่งต่างประเท

แน่นอนครับสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับธุรกิจขายส่งคือการหาลูกค้าเพื่อนำสินค้าที่มีอยู่ในมือของเราไปกระจายขายต่อ แล้วจะทำอย่างไรดีละครับถึงจะสามารถหาลูกค้ากลุ่มนี้ได้ ไม่ง่ายเลยทีเดียวครับเพราะคนจำนวน 100 คนจะมีสัก 5 คนไหมที่เป็นพ่อค้าแม้ค้าขายปลีก แล้วเราจะเข้าถึงเค้าได้อย่างไร

ดังนั้นการโฆษณาจึงเป็นเครื่องมือหลักที่สำคัญมากๆในการทำธุรกิจขายส่ง หลายบริษัททุ่มงบประมาณและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการทำโฆษณาให้กับธุรกิจของตนเอง เพราะถ้าหากได้ลูกค้าที่สามารถกระจายสินค้าและขายสินค้าของเราได้ในปริมาณมากๆก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆครับกับค่าโฆษณาที่จ่ายไปเพียงน้อยนิด 

แล้วจะทำโฆษณาแนวไหนดี ในยุกต์นี้คงหนีไม่พ้นการทำโฆษณาออนไลน์ เนื่องจากน่าจะตรงกลุ่มลูกค้าที่สุดครับ เพราะคนไทยส่วนใหญ่สามารถเข้าถึง Internet ได้ง่ายมากๆครับในยุกต์นี้ มาชมกันครับว่ามีการทำโฆษณาประเภทไหนบ้างครับที่จะสามารถทำให้ธุรกิจของเราเติบโตได้บ้าง

  1. โฆษณาผ่านบริการ PPC ของ Search Engine
เพื่อนอาจจะใช้การโฆษณาผ่าน Google Adwords  หรือ ทำการโฆษณาผ่านระบบโฆษณาของ Bing หรือ Yahoo ก็ได้ครับ เพราะเครื่องมือตัวนี้เป็นการลงโฆษณาที่สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าได้ตรงมากๆครับในยุกต์นี้ หากได้ผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์ระบบด้วยแล้ว ไม่น่าที่จะพลาดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายครับ แต่ต้องใช้เงินทุนหนาแน่นหน่อยครับเพราะทุกธุรกิจล้วนมีคู่แข่งครับ เป็นแนวทางทางใช้เงินต่อเงินครับ

  1. การทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับบน Search Engine
ช่องทางนี้น่าจะเป็นช่องทางที่ประหยัดและได้ผลระยะยาวสุดๆครับสำหรับการทำโฆษณาออนไลน์ หากเว็บไซต์ขายส่งสินค้าของเราติดอันดับอยู่บนหน้า Keywords  ที่มีปริมาณค้นหามากๆและตรงกับสินค้าที่เราขายส่ง บนระบบ Search engine อย่าง Google, Bing และ Yahoo ผมยืนยันครับว่าเพื่อนๆสามารถมีลูกค้ารายใหม่แน่นอนครับ

  1. โปรโมทผ่าน Directories ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจขายส่งโดยตรงก็ได้ครับ หากมีเงินทุนแต่ยังไม่พร้อมเรื่องบุคคลาการที่จะทำการตลาดออนไลน์ให้กับบริษัทของเรา
  2. E-mail Marketing   อีก  1 ช่องทางการหาลูกค้าจาก Lists Email ที่เรามีอยู่ครับ ส่วนตัวผมคิดว่าการส่ง Email เป็นช่องทางยอดฮิตอีกช่องทางที่จะสามารถสร้างลูกค้าใหม่ให้กับเราได้ แล้วถ้าเรามือใหม่จะไปหา List Email มาจากไหนล่ะ เป็นคำถามที่ดีครับ อันดับแรกเลยครับ
o   Email ที่ได้จากการสมัครสมาชิกของลูกค้าเข้ามาในเว็บไซต์ของเรา
o   Email ที่ได้จากการที่มีผู้สนใจอยากรับข่าวสารจากเรา
o   Email จากการลงทะเบียน อาจจะเป็นการขอรายชื่อ เบอร์โทร Email จากการที่เรานำสินค้าไปแสดงในงานต่างๆก็ได้ครับ
o   จากหนังสือรวบรวมรายชื่อธุรกิจครับ 

รวบรวบ Email ได้แล้วก็จัดการสร้าง Email แคมเปนดีๆส่งให้กับลูกค้าได้เลยครับ หากส่งครั้งละมากๆหรือหมื่น หลายพัน Email ต่อครับ เค้าก็มี website ให้บริการด้สนนี้อยู่ครับเช่น mailchimp เป็นต้นครับ สำหรับการทำ Email marketing เพื่อจัดส่งให้คนผู้ที่ไม่ได้ร้องขอเพื่อรับข้อมูลของเรา เพื่อไม่ให้เป็นการ Spam และรบกวนจนเกินไป เพื่อนๆควรที่จะมีช่องทางเพื่อที่จะให้เค้ายกเลิกการรับข้อมูลจากเราด้วยครับ เผื่อกรณีที่เค้าไม่อยากรับข้อมูลจากเราจริงๆ

สำหรับการทำโฆษณาแบบลงหนังสือพิมพ์หรือผ่านรายการโทรทัศน์ วิทยุ อาจจะไม่เหมาะสำหรับธุรกิจขายส่งก็เป็นได้ครับ เพื่อนๆลองคิดย้อนกลับไปครับ หากเราเป็นผู้ขายสินค้าทั่วไป คงไม่อยากให้ลูกค้าหรือผู้ซื้อทั่วไปรู้ว่าร้านของตนเองรับสินค้ามาจากที่ไหนเป็นแน่ครับ เพราะเค้าจะไม่สามารถกำหนดราคาที่ทำกำลังได้สูงสุดได้ง่ายๆครับ ทุกคนก็จะรู้และสามารถสืบราคาขายได้ไม่ยากครับ ธุรกิจด้านนี้จึงไม่นิยมลงโฆษณาแบบโจ่งแจ้งให้ทุกคนได้เห็นครับเพราะบางครั้งก็เห็นใจลูกค้าด้วยกันเอง

หลายบริษัทที่ทำธุรกิจขายส่งก็มีการกำหนด Order ขั้นต่ำซึ่งก็เป็นเรื่องปกติครับเพราะต้องซื้อเยอะๆถึงจะได้ราคาส่ง แต่สำหรับเจ้าของธุรกิจบางเจ้าก็กำหนดราคาสำหรับลูกค้าใหม่โดยมีการกำหนด Order แรกด้วยครับว่าต้องซื้อในปริมาณที่มากกว่าลูกค้าเก่าเหมือนกับเป็นค่าแรกเข้าประมาณนั้นครับ ส่วนตัวผมคิดว่าเป็นการสกีนคนทั่วไปอีกชั้นหนึ่งครับ
 
เพื่อที่คนทั่วไปจะได้ไม่ต้องมาติดต่อเพื่อซื้อสินค้าจากทางผู้ค้าส่งครับ เป็นการบังคับไปในตัวให้คนทั่วไปกลุ่มย่อยๆไปซื้อสินค้ากับลูกค้าผู้ค้าปลีกของเราอีกทีครับ เป็นการรักษาห่วงโซ่ธุรกิจไปในตัวครับ ลูกค้าของเราก็มีกลุ่มลูกค้า พอต่อไปเค้าขายสินค้าหมดก็สั่งสินค้ากับทางเราอีก เราเพียงแต่ทำหน้าที่ผลิตและหาสินค้าใหม่ๆที่มีคุณภาพก็ OK แล้วครับ

แล้วมีเทคนิคเอาใจลูกค้าให้ทำธุรกิจกับเรานานไหมครับ

  • สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องของคุณภาพสินค้าครับ หากสินค้าดีก็มีแต่คนเค้ามาหาแล้วอยากทำธุรกิจด้วยครับ
  •  การสื่อสาร ตอบคำถาม รวดเร็ว ทันใจ อัธยาศัยดี
  •  เราอาจให้ส่วนลดเป็น % ตามปริมาณสินค้าที่ลูกค้าสั่งซื้อก็ได้ครับ
  •  มีนโยบายรับประกันคุณภาพสินค้าเพื่อให้ลูกค้าสบายใจหากซื้อของเราแล้วไม่ดีจะเอาไปเปลี่ยนหรือแลกเงินคืนที่ไหน ดังนั้นข้อมูลตรงนี้ต้องชัดเจน
  •  นโยบายส่งฟรี ตามปริมาณการสั่งซื้อที่กำหนด ก็น่าดึงดูดใจครับ


มุมมองของลูกค้าที่ต้องการซื้อสินค้าราคาส่งเป็นอย่างไร
หากผมเองเป็นเจ้าของร้านค้าปลีกผู้กำลังหาสินค้าไปขายในร้าน ผมจะต้องคิดถึงเรื่องอะไรบ้าง มาช่วยกัน Lists ดีกว่าครับ
    1. คุณภาพของสินค้า หากลงทุนไปเยอะๆจะเป็นที่ต้องการของตลาดหรือไม่
    2. ราคาขายสินค้าเมื่อรวมค่าแพคเกจแล้วจะสามารถทำกำไลต่อชิ้นให้เรามากน้อยขนาดไหน
    3. ต้นทุนการขนส่ง
    4. ความใหม่และความไม่ซ้ำใครของสินค้า
    5. ความน่าเชื่อถือของผู้ขายส่ง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่งไหม จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีลูกค้าคนอื่นๆร้องเรียนหรือไม่ ลองเอาชื่อร้านหรือเจ้าของไป search บน Google ก็ได้ครับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ สำหรับความรู้ใหม่ๆเกี่ยวกับการทำธุรกิจขายส่ง หวังว่าข้อมูลข้างต้นคงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับเพื่อนๆชาวไทยที่กำลังมองหาธุรกิจใหม่ๆให้กับตนเองและครอบครับนะครับ 

สุดท้ายต้องขอขอบพระคุณเจ้าของธุรกิจ Wholesale Jewelry ผู้ส่งออกเครื่องประดับราคาส่ง คุณ Yosi ที่ได้สละเวลาระหว่างการประชุมให้ความรู้ดีๆนำมาเขียนแลกเปลี่ยนความรู้ให้เพื่อนๆได้อ่านกันครับ วันนี้ผม Mr.Bell ขอลาไปก่อนโอกาสหน้าจะนำธุรกิจ เกร็ดความรู้ดีๆมาฝากอีกครับ

เขียนโดย
Mr.Bell